"จังหวัดระนอง การประชุมชี้แจงแนวทางการบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายตาม
พระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497 ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล ( DOPA VCS)"
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมพลับพลึงธาร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดระนอง นายสมเกียรติ ศรีษะเนตร ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธานการประชุมเพื่อชี้แจงแนวทางการบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497 โดยมีปลัดจังหวัดระนอง
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง พาณิชย์จังหวัดระนอง ปศุสัตว์จังหวัดระนอง และหัวหน้าส่วนราชการเข้าร่วมประชุม สืบเนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ได้มีหนังสือสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัด ดำเนินการออกประกาศเพื่อกำหนดให้เนื้อสุกรหรือโภคภัณฑ์อื่น ๆ เช่น ไข่ไก่ น้ำมันพืช เป็นต้น ซึ่งมีปัญหาการกักตุนหรือเกิดภาวะการขาดแคลนโภคภัณฑ์ในท้องตลาดอย่างผิดปกติ เป็นโภคภัณฑ์ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ประสงค์จะทำการสำรวจฯ ตามมาตรา 9 (2) แห่งพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ.2497 ประกอบกับประกาศคณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ เรื่อง กำหนดพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ และแบบเอกสารในการดำเนินการตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497 ลงวันที่ 10 เมษายน 2563 และดำเนินการบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497 โดยเคร่งครัด สำหรับการประชุมครั้งนี้ เพื่อให้การบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ.2497 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความเข้าใจในการบังคับใช้กฎหมายไปยังท้องที่ ท้องถิ่น ผ่านอำเภอทั้ง 5 อำเภอ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน
สาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้คณะกรรมการตาม พ.ร.บ.นี้ถือว่ามีอำนาจมากในการตรวจตราการกักตุนสินค้าทั่วราชอาณาจักรและกฎหมายกำหนดนิยามคำว่า “โภคภัณฑ์” หมายถึงสินค้าอุปโภคบริโภคทุกชนิดและรวมไปถึงสิ่งอื่นๆที่สามารถกำหนดเพิ่มเติมในกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง กับพ.ร.บ.นี้ด้วย พ.ร.บ.สำรวจกักตุนโภคภัณฑ์ยังให้มีการแต่งตั้ง “คณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ประจำท้องถิ่น” เรียกว่า”คณะกรรมการส่วนท้องที่” สำหรับท้องถิ่นที่ยกระดับเป็นเทศบาลแล้วให้คณะกรรมการส่วนท้องที่ประกอบไปด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายกเทศมนตรีแล้วแต่ รมว. จะแต่งตั้งและบุคคลอื่นไม่น้อยกว่าสี่คน สำหรับท้องถิ่นที่ยังไม่ได้ยกระดับเป็นเทศบาลคณะกรรมการส่วนท้องที่ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานและบุคคลอื่นๆอีกสี่คนที่ผู้ว่าราชการแต่งตั้งด้วยความเห็นชอบของรัฐมนตรีเป็นประธาน และกำหนดให้กรรมการและพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีการแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานตามความหมายลักษณะอาญา เมื่อเป็นการสมควรสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ในท้องที่ใด จะมีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ท้องที่นั้นเป็นเขตสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ โดยให้คณะกรรมการมีอำนาจดังต่อไปนี้สอบถามบุคคลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโภคกัณฑ์ซึ่งคณะกรรมการประสงค์จะทำการสำรวจการกักตุน และสั่ง หรืออนุมัติให้พนักงานเจ้าหน้าที่สั่งให้บุคคลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำเกี่ยวกับการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์
ในกรณีที่มีการขัดขืนคำสั่งของคณะกรรมการ มีอำนาจกำหนดระยะเวลาและเงื่อนไขในการชำระเงินและในการส่งมอบโภคภัณฑ์นั้น ในกรณีที่ไม่ปรากฎตัวเจ้าของหรือผู้ครอบครองโภคภัณฑ์ คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้ปิดประกาศคำสั่งตามความในวรรคก่อนนั้นไว้ ณ สถานที่เก็บโภคภัณฑ์ หรือพาหนะที่ขนโภคภัณฑ์นั้น เมื่อล่วงพ้น 72 ชั่วโมงนับแต่วันปิดประกาศคำสั่งแล้ว เจ้าของหรือผู้ครอบครองโภคภัณฑ์ ไม่จัดการตามคำสั่ง ให้คณะกรรมการมีอำนาจยึดและบังคับซื้อได้
-ผู้ใดไม่ยอมชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกักตุนสินค้า หรือฝาฝืน คำสั่งหรือประกาศของคณะกรรมการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือจำคุกไม่กินหนึ่งปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
-ผู้ใดขัดขวางการกระทำของคณะคมการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือไม่ให้ความสะดวกมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
-ผู้ใดให้ถ้อยคำเท็จแก่คณะกรรมการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่หรือให้ถ้อยคำเท็จในการแจ้งปริมาณหรือสถานที่เก็บโภคภัณฑ์ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินสองปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
พ.ร.บ.สำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ.2497 ถือเป็นกฎหมายฉบับหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไทยกำลังมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและเข้าสู่ระบบ “ทุนนิยม” ที่เข้มข้นขึ้นภายหลังจากที่ไทยได้มีการลงนามร่วมกันกับสหรัฐฯตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม 2493